แผลเบาหวานเป็นบาดแผลเรื้อรังที่พบได้บ่อยที่สุด เนื่องจากผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานจะมีไขมันที่ไม่ย่อยสลายไปจับกับเส้นเลือด ส่งผลให้เส้นเลือดตีบและแข็งเกิดการอุดตันในที่สุด ส่งผลให้แผลหายยากเพราะไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง นอกจากนี้เมื่อป่วยด้วยโรคเบาหวาน ระบบประสาทรับความรู้สึกจะเสื่อม รับความรู้สึกได้น้อยลงหรือไม่ได้เลย ทำให้เท้าชา ไม่รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสความร้อนหรือเย็น หรือแม้กระทั่งเล็บขบ จึงทำให้เกิดบาดแผลได้ง่าย เนื่องจากอาการเจ็บที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติช่วยให้ระวังการเกิดบาดแผล ดังนั้นบ่อยครั้งที่ผู้ป่วยเบาหวานมีแผล กว่าจะรู้ตัวแผลก็ลุกลามไปมากแล้ว อีกทั้งการที่ระบบประสาทสั่งการผิดปกติ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เท้าผิดรูป เท้าบิดเบี้ยว เนื้อบริเวณปุ่มกระดูกบางแห่งต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นเกิดเป็นแผลได้เช่นกัน
เบาหวาน ใน เด็ก ต่างจากเบาหวานในผู้ใหญ่อย่างไร
เฝ้าสังเกตและติดตามวงจรการตกไข่ด้วยเครื่องมือง่าย ๆ นี้
ผู้ป่วยเบาหวานควรรีบไปพบคุณหมอ เมื่อพบว่าแผลบริเวณเท้าของตนมีลักษณะต่อไปนี้
วิธีการรักษาเพิ่มเติมโดยคุณหมออาจขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแผลเบาหวาน ดังนี้
กลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดแผลเบาหวาน คือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เป็นแผลเบาหวานเรื้อรังมานาน ยิ่งเป็นเบาหวานนานหลายปียิ่งเสี่ยงจะเกิดบาดแผล
ข่าวสาร/ประชาสัมพันธ์ ข่าวประชาสัมพันธ์
ประกาศนโยบายการรักษาความลับของผู้ป่วยเพื่อคุ้มครองข้อมูลสุขภาพ
เฝ้าสังเกตและติดตามวงจรการตกไข่ด้วยเครื่องมือง่าย ๆ แผลเบาหวาน นี้
นอกจากนั้น การใส่เสื้อผ้าที่หยาบกระด้าง หนา มีพื้นผิวของเนื้อผ้าที่ไม่เรียบอาจทำให้เกิดการระคายเคืองแก่ผิวได้ ควรสวมเสื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยที่เรียบและเบาสบาย เช่น ฝ้าย และควรระมัดระวังเกี่ยวกับผงซักฟอกที่ใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้า หากพบว่าหลังซักมีอาการคัน หรือไม่สบายตัว ควรอาบน้ำและอาจเปลี่ยนยี่ห้อผงซักฟอกไปใช้ชนิดที่อ่อนโยนต่อผิว หรือสำหรับเด็กแทน
โรคเบาหวาน เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม และมีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคเบาหวานได้ เช่น อ้วนเกินไป น้ำหนักเกิน ไม่ออกกำลังกาย หรือมีไขมันในเลือดสูง
การดูแลแผลเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวาน
พฤติกรรมที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกายในระหว่างวัน
ลดการรับประทานอาหารเค็ม เช่น ขนมกรุบกรอบ อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารหมักดอง อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง และเครื่องปรุงรส เป็นต้น รวมถึงการลดการรับประทานน้ำซุปต่าง ๆ หรือใช้หลักการตักเนื้อทิ้งน้ำ และลดการรับประทานน้ำจิ้มหรือเครื่องปรุงรสต่าง ๆ